รายการ | รายละเอียด |
---|---|
หลักสูตร | ครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) (ค.อ. บ.) |
ฉบับปรับปรุง | ปี พ.ศ. 2558 |
รหัสวิชา | MTE 433 |
ชื่อวิชา | เครื่องจักรและการออกแบบ (machinery and design) |
กลุ่มวิชา | วิชาบังคับทางวิศวกรรม |
หน่วยกิต(ทฤษฎี-ปฏิบัติ-ศึกษาด้วยตนเอง) | 3(3-0-6) |
วิชาที่ต้องเรียนมาก่อน | MTE 232 กลศาสตร์ของแข็ง |
ภาคการศึกษา/ปีการศึกษา/ชั้นปีที่เปิด | 1-2563 |
วัน เวลา และสถานที่เรียน | พฤหัสบดี เวลา 13:30 - 16:20 หรือตามนัด |
วันเวลาให้คำปรึกษา | ตามนัด |
ประมวลรายวิชา (แผนการสอน-มคอ.3) | - |
>> จุดหมายของรายวิชา
รายวิชานี้มีเป้าหมายให้ผู้เรียนได้ประยุกต์ใช้องค์ความรู้เดิม (prior knowledge applying) ในรายวิชากลศาสตร์วิศวกรรมภาคสถิตศาสตร์และพลศาสตร์ และกลศาสตร์ของแข็ง และให้ผู้เรียนได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ (knowledge acquiring) เกี่ยวกับแนวคิดการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร กลไกความเสียหายของวัสดุภายใต้สภาวะภาระภายนอกคงที่และแปรเปลี่ยน การวิเคราะห์และการออกแบบที่ปลอดภัยของชิ้นส่วนเครื่องจักรทั่วไป รวมทั้งให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะดังนี้
- การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (critical thinking) : การแปลความ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และการประเมินผลในแนวคิดต่าง ๆ เพื่อนำมาซึ่งข้อสรุปหรือทางออกที่เหมาะสม
- การเรียนรู้ด้วยการชี้นำตนเอง (self-directed learning) : การริเริ่มการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเป็นอัตโนมัติโดยระบุเป้าหมาย กำหนดกลยุทธ์ เลือกกระบวนการ ค้นคว้าแหล่งทรัพยากร นำไปปฏิบัติให้เกิดผล ประเมินและสะท้อนอย่างสม่ำเสมอเพื่อความก้าวหน้าของตน
- การสื่อสาร (communication) : การนำเสนอหรือการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและแนวคิดต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิผลด้วยวิธีการเขียน การแสองออกทางวาจา การวาดภาพหรือกราฟิกที่เหมาะสม
>> แนะนำรายวิชา
เครื่องจักรถูกออกแบบและสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนที่หลากหลายซึ่งทำงานร่วมกันอย่างสัมพันธ์กันเพื่อจุดประสงค์ของการส่งผ่านแรงและพลังงาน รายวิชานี้เป็นรายวิชาประยุกต์เชิงลึก (in-depth application) ที่หลอมรวมองค์ความรู้พื้นฐานสำคัญในรายวิชากลศาสตร์วิศวกรรมทั้งสถิตศาสตร์และพลศาสตร์ และกลศาสตร์ของแข็งเพื่อประยุกต์ใช้ในการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรในทางปฏิบัติ เครื่องจักรต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตของเรา เครื่องจักรเหล่านี้ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ซึ่งได้รับภาระหรือแรงกระทำต่าง ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นชิ้นส่วนเหล่านี้จึงต้องได้รับการออกแบบอย่างดีและเหมาะสมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายและใช้งานได้อย่างปลอดภัยซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ เช่น วิศวกร ช่างผู้ปฏิบัติงาน และผู้ถ่ายทอดความรู้ที่จะต้องตระหนักรู้และให้ความสำคัญ
ในรายวิชานี้ ผู้เรียนจะเรียนรู้และได้รับประสบการณ์ในการวิเคราะห์อย่างเข้มข้นเพื่อการทำนายและยืนยันผลการออกแบบ (design performance) ชิ้นส่วนเครื่องอเพื่อตอบสนองต่อความต้องการในการใช้งานและความปลอดภัย ผู้เรียนจะได้ทบทวนความเข้าใจความรู้หลักการสำคัญในรายวิชากลศาสตร์วิศวกรรมทั้งสถิตศาสตร์และพลศาสตร์ และกลศาสตร์ของแข็ง และปริมาณสำคัญเกี่ยวกับการออกแบบ เช่น ความเค้น ความเครียด ความต้านแรง การเปลี่ยนรูป ฯลฯ จากนั้นผู้เรียนศึกษาเกี่ยวกับรูปแบบความเสียหายทางกล คือ การเสียหายแบบครากหรือแตกหัก การเสียหายแบบผิดรูปเกินไป และการเสียหายแบบไร้เสถียรภาพ ซึ่งนำมาสู่เส้นทางการออกแบบชิ้นส่วนทางกลหรือเครื่องจักรที่สอดคล้องกับรูปแบบความเสียหาย และประยุกต์ใช้ปริมาณเหล่านั้นในทางเลือกการออกแบบ คือ การออกแบบตามหลักการวิเคราะห์ (analysis) ที่มุ่งเน้นการตรวจสอบยืนยันค่าความปลอดภัย และการออกแบบตามหลักการสังเคราะห์ (synthesis) ที่มุ่งเน้นการเลือกใช้วัสดุและการระบุขนาดของชิ้นส่วนผ่านทฤษฎีความเสียหาย (theories of failure) ที่สอดคล้องกับภาระภายนอกที่กระทำต่อวัตถุทั้งแบบภาระสถิตและภาระแปรเปลี่ยน (static and variable loading) ตามนสภาพการใช้งานของเครื่องจักรหรือชิ้นส่วนในเครื่องจักร
การนำเสนอรายละเอียดวิชาได้รับการจัดเรียงเป็นลำดับโดยเริ่มจากการฉายภาพใหญ่ของสาระศาสตร์กลศาสตร์ของแข็ง รายวิชาสถิตศาสตร์ พลศาสตร์ กลศาสตร์ของวัสดุ และวิเคราะห์ลงลึกไปจนถึงการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรสำคัญ (key elements) โดยอาศัยหลักการสำคัญในรายวิชาเหล่านั้นและทฤษฎีความเสียหาย รายวิชานี้เป็นรายวิชาบรรยาย 3 ชั่วโมง และศึกษาด้วยตนเอง 6 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ ผู้เรียนต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่น้อยกว่า 9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และต้องเข้าชั้นเรียนไม่น้อยกว่า 45 ชั่วโมง แม้ว่ารายวิชานี้จะเป็นรายวิชาที่มีเฉพาะการบรรยายแต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างท่องแท้ในสาระวิชา ผู้สอนกำหนดให้มีการทดลองประกอบการบรรยายทั้งนี้การทดลองอาจเกิดขึ้นระหว่างการบรรยายหรือนอกชั้นเรียน
รายวิชานี้มีแนวคิดหลัก (Big Ideas/Enduring Understanding) อยู่ 3 ประการ ซึ่งผู้เรียนต้องจดจำให้ขึ้นใจและทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ตลอดการเรียนรู้ แนวคิดหลักนี้เป็นสาระที่ถือกลับไปได้ (take away esesnse) ซึ่งมี 3 ประการ ดังนี้
- การออกแบบทางกลเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความคิด การวางแผน และการตัดสินใจบนรากฐานของความรู้และความเข้าใจ
-
วัตถุจะตอบสนองกับภาระทางกลด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปร่างซึ่งส่งผลต่อให้เกิดความเสียหายในหลากรูปแบบ
- มาตรฐานและรหัสที่เกี่ยวข้องเป็นตัวกำหนดรายละเอียดการออกแบบเพื่อป้องกันความเสียหายและให้เกิดความปลอดภัย
>> รายละเอียดวิชา
รายวิชาเครื่องจักรและการออกแบบเน้นพัฒนาแนวทางเชิงระบบในการออกแบบทางชิ้นส่วนเครื่องจักรซึ่งประยุกต์ใช้ความรู้ต่อจากรายวิชากลศาสตร์วัสดุ รายวิชามุ่งเน้นไปศึกษาแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับกลไกและเครื่องจักร และการออกแบบ ขั้นตอนการออกแบบ การวิเคราะห์ตำแหน่ง ความเร็ว และความเร่งในกลไก การวิเคราะห์แรงในเครื่องจักรและการสมดุลของเครื่องจักร วัสดุและการเลือกใช้ ทฤษฎีความเสียหายสำหรับภาระสถิตและภาระแปรเปลี่ยน การออกแบบเพลาและชิ้นส่วนเกี่ยวข้อง การเลือกใช้ตลับลูกปืน การออกแบบและเลือกใช้ชิ้นส่วนส่งกำลัง ได้แก่ เฟือง สายพาน และโซ่ การออกแบบและเลือกใช้ชิ้นส่วนในกลไกแบบบังคับ ได้แก่ ลูกเบี้ยว และสปริง การออกแบบและเลือกใช้ชิ้นส่วนเพื่อการยึดแบบชั่วคราวและถาวร ได้แก่ สลักเกลียว หมุดย้ำ และงานเชื่อม การออกแบบและเลือกใช้สกรูส่งกำลัง
>> หัวข้อเรื่อง
ตามรายละเอียดวิชาด้านบน ผู้เรียนจะศึกษาในหัวข้อเรื่องต่อไปนี้
หัวข้อรากฐาน (foundational topics)
- เส้นทางกลศาสตร์วิศวกรรม : วิทยาการด้านกลศาสตร์วิศวกรรมสาขากลศาสตร์ของแข็ง (Mechanics of Solids) เช่น ความสัมพันธ์ในมิติของบทบาท หน้าที่ และสมมติฐานเบื้องหลังระหว่างรายวิชา สถิตศาสตร์ (Statics) พลศาสตร์ (Dynamics) กลศาสตร์วัสดุ (Mechanics of Materials) และทฤษฎีสภาพยืดหยุ่น (Theory of Elasticity)
- ตรรกะศาสตร์ของกลศาสตร์วิศวกรรม สาขากลศาสตร์ของแข็ง : การทบทวนเนื้อหาสำคัญในรายวิชาสถิตศาสตร์ และกลศาสตร์วัสดุ ความสัมพันธ์เชิงตรรกะระหว่างหลักสำคัญในการได้มาซึ่งสูตรต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการคำนวณในกลศาสตร์ของแข็ง เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างภาระภายนอกกับภาระภายในโดยอาศัยการสมดุลสถิต, การสมมูลสถิต, ความสัมพันธ์ระหว่างภาระภายในกับความเค้นโดยใช้สูตรความเค้นพื้นฐาน, ความสัมพันธ์ระหว่างภาระภายนอกกับการเปลี่ยนรูปโดยอาศัยสูตรการโก่ง
- แนวคิดการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร : การออกแบบทางวิศวกรรม การออกแบบทางกล รูปแบบความเสียหายทางกล การออกแบบชิ้นส่วนทางกลหรือเครื่องจักรตามเส้นทางการออกแบบ และทางเลือกการออกแบบ
- วัสดุและการเลือกใช้ : ประเภทของวัสดุ การทดสอบเพื่อให้ได้มาซึ่งสมบัติสำคัญของวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร คือ สมบัติทางกลและทางรูปร่าง และการเลือกใช้
- ทฤษฎีความเสียหาย : ทฤษฎีความเสียหายสำหรับปัญหาภาระสถิต (static loads) ภาระแปรเปลี่ยน (variable loads) ขอบเขตความเสียหาย (failure envelope) และค่าความปลอดภัย (safety factor)
- มาตรฐานและรหัสที่เกี่ยวข้อง : AISI, ASTM, ASME, DIN, JIS, TIS
- ขั้นตอนการคิดแก้ปัญหาทางฟิสิกส์/วิศวกรรม : การเข้าใจสภาพปัญหา การระบุสารสนเทศสำคัญในปัญหา การกำหนดแผนการแก้ปัญหา การค้นหาคำตอบ การยืนยันหรือทวนสอบความถูกต้อง
หัวข้อประยุกต์ (applied topics)
- การออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรสำคัญ : การออกแบบเพลาและชิ้นส่วนเกี่ยวเนื่อง การเลือกใช้รองลื่นแบบลูกปืน การออกแบบและเลือกใช้ชิ้นส่วนเพื่อการยึดแบบชั่วคราวและถาวร
>> วัตถุประสงค์รายวิชา
หลังจากเสร็จสิ้นการเรียนในรายวิชานี้แล้ว ผู้เรียนจะ
- รู้และเข้าใจเส้นทางกลศาสตร์วิศวกรรมและตรรกะศาสตร์ของกลศาสตร์ในวิศวกรรม
- รู้และเข้าใจแนวคิดสำคัญของการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานและรหัส
- ใช้คำศัพท์ มโนทัศน์ และประยุกต์หลักการ ทฤษฎี กฎ และวิธีการต่าง ๆ เพื่อออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรโดยอาศัยเส้นทางการออกแบบ และทางเลือกการออกแบบพร้อมเลือกใช้วัสดุทางวิศวกรรมด้วยเครื่องมือที่เหมาะสม
- สื่อสารสาระสำคัญของการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเขียน การนำเสนอ หรือการสนทนาเชิงวิชาการ (academic discussion)
- แสดงพฤติกรรมของการเป็นมืออาชีพและที่สะท้อนอุปนิสัยจิต (habits of mind)
เป้าหมายของการศึกษา คือ การที่ผู้เรียนบรรลุผลลัพธ์ทางการศึกษาหลังจากผ่านประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหลักสูตร รายวิชานี้มีผลลัพธ์ทางการศึกษา 5 ด้าน ที่ผู้เรียนต้องแสดงให้เห็นว่าตนมีความสามารถและสมรรถนะต่าง ๆ ตามที่กำหนด รายวิชานี้มีผลลัพธ์การศึกษา ดังนี้ (ดูรายละเอียดที่หน้า...ผลลัพธ์การศึกษาและการประเมินการเรียนรู้)
กลุ่มที่ 1 : ปัจจัยที่แสดงถึงความสำเร็จทางวิชาการ (academic achievement factors)
1.1) ผลลัพธ์การเรียนรู้รายวิชา (course learning outcomes - CLOs)* - สอดคล้องกับหัวข้อเรื่องและวัตถุประสงค์
หลังจากผู้เรียนสำเร็จรายวิชานี้แล้ว ผู้เรียนจะบรรลุวัตถุประสงค์รายวิชาข้างต้น โดยเมื่อ/หลังจากผู้เรียนได้เรียนรู้เนื้อหาสาระและปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายแล้ว ผู้เรียนจะสามารถ...
- CLO1: จำแนกความแตกต่างด้านบทบาท และด้านมโนทัศน์สำคัญของรายวิชาต่าง ๆ ในวิทยาการกลศาสตร์ของแข็งที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร
- CLO2: อธิบายสาระสำคัญของแนวคิดการออกแบบชิ้นส่วนทางกลหรือเครื่องจักร
- CLO3: อธิบายความสำคัญของขั้นตอนการคิดแก้ปัญหาทางฟิสิกส์/วิศวกรรม และสรุปวิธีการนำขั้นตอนไปใช้ในการแก้ปัญหา
- CLO4: อธิบายความแตกต่างระหว่างแนวคิด หลักการ และเงื่อนไขสำคัญของทฤษฎีความเสียหาย และสรุปแนวทางการนำทฤษฎีความเสียหายไปใช้ในการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร
- CLO5: วิเคราะห์ปัญหาการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรกลโดยประยุกต์ใช้สาระสำคัญของแนวคิดการออกแบบชิ้นส่วนทางกลหรือเครื่องจักร และขั้นตอนการคิดแก้ปัญหาทางฟิสิกส์/วิศวกรรม
- CLO6: ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อช่วยออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักรตามที่กำหนดให้และแปลความผลลัพธ์ที่ได้เปรียบเทียบกับหลักการและทฤษฎีความเสียหายที่เกี่ยวข้อง
* ผลการเรียนรู้ตอบสนองต่อ FIET-Student QF และผลการเรียนรู้ระดับหลักสูตร (PLOs) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นตามอนุกรมวิธานแห่งการเรียนรู้ของมาร์ซาโนและแคนดอลล์
1.2) ทักษะการคิดและทักษะการปฏิบัติ (thinking skill & practical skill)
หลังจากผู้เรียนสำเร็จรายวิชานี้แล้ว ผู้เรียนจะสามารถใช้กลยุทธ์ทางปัญญา (cognitive strategy) โดยคิดแก้ปัญหา (problem solving) เพื่อค้นหาคำตอบสำหรับปัญหาการออกแบบชิ้นส่วนเครื่องจักร และสามารถยืนยันความถูกต้องของคำตอบได้อย่างมีเหตุมีผลและน่าเชื่อถือ
กลุ่มที่ 2 : ปัจจัยหนุนเสริมความสำเร็จทางวิชาการ (supporting-academic achievement factors)
หลังจากผู้เรียนสำเร็จรายวิชานี้แล้ว ผู้เรียนจะแสดงให้เห็น (demonstrate)
- การมีความมุมานะพยายาม (effort) ในการตอบสนองหรือมีส่วนร่วม (participation) ในกิจกรรมที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนทั้งกิจกรรมที่จัดโดยผู้สอนหรือจัดโดยเพื่อนผู้เรียนด้วยกัน และในการทำงานที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุผล (work completion) สำเร็จตามที่คาดหวังด้วยแนวทางและวิธีการที่เหมาะสม
- พฤติกรรมเชิงวิชาการ (academic behavior) ในการประพฤติปฏิบัติตนตามกฏหรือข้อกำหนด (following rules/terms) ทั้งที่ระบุไว้อย่างชัดเจนและที่ไม่ได้ระบุทั้งนี้เพื่อประโยชน์แห่งความเรียบร้อยและดีงามของตนเองและส่วนรวม
- การเข้าชั้นเรียน (attendance) ในการมาเข้าชั้นเรียน (coming to class)อย่างสม่ำเสมอด้วยความเต็มใจและพร้อมเรียนรู้ และในการมาเข้าชั้นเรียนก่อนหรือตรงเวลา (punctuality) ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์หรือปัจจัยสำคัญของการเป็นมืออาชีพในวิชาชีพ
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับหลักการประเมินและแนวทางการประเมินที่หน้า...ผลลัพธ์การศึกษาและการประเมินการเรียนรู้
>> แบบบันทึกความก้าวหน้าในการเรียนรู้
ผู้เรียนต้องจัดเก็บ "Book of Proficiency - MTE 433" เป็นรายบุคคลและเอกสารอื่นใดในรูปของแฟ้มสะสมผลงาน และต้องนำมาในชั้นเรียนทุกครั้ง
ดูรายละเอียดการประเมินผลและการตัดเกรดที่หน้า...ผลลัพธ์การศึกษาและการประเมินการเรียนรู้
รายวิชาจะถือบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้จะประเมินตามเกณฑ์ ดังนี้
- การบรรลุผลสำเร็จเชิงวิชาการรายบุคคล (individual minimum academic achievement) : ผู้เรียนทุกคนจะบรรลุวัตถุประสงค์ของรายวิชาเมื่อมีผลประเมิน กลุ่มที่ 1 : ปัจจัยที่แสดงถึงความสำเร็จทางวิชาการ อยู่ในระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ ‘บรรลุ’ (accomplished) (ระดับ 3.00) ขึ้นไป และ ‘บรรลุตามที่คาดหวัง’ (meet expectation) (ระดับ 3.00) ขึ้นไป
- การบรรลุผลสำเร็จปัจจัยส่งเสริมสำเร็จเชิงวิชาการรายบุคคล (individual minimum non-academic achievement) : ผู้เรียนทุกคนจะบรรลุวัตถุประสงค์ของรายวิชาเมื่อมีผลประเมิน กลุ่มที่ 2 : ปัจจัยที่ส่งเสริมความสำเร็จทางวิชาการ อยู่ในระดับ ‘ดี’ (good) (ระดับ 3.00) ขึ้นไป และ ‘บรรลุตามที่คาดหวัง’ (meet expectation) (ระดับ 3.00) ขึ้นไป
- การบรรลุผลสำเร็จของรายวิชา (target course achievement) : ผู้เรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีระดับผลสัมฤทธิ์ ‘ชำนาญหรือบรรลุตามที่คาดหวัง - Pr’ (ระดับคุณภาพ 2.93 - 3.28) หรือได้รับเกรด ‘B’ ขึ้นไป
ลำดับ | เอกสารประกอบ | สาระสำคัญ |
---|---|---|
1) | Concept of Mechanics | อธิบายภาพรวมเกี่ยวกับหลักตรรกะในกลศาสตร์วัสดุอันดับ 2 - 6 (บางส่วน) |
2) | Comprehensive picture | อธิบายภาพรวมกลศาสตร์ของแข็ง |
3) | 1 - IntroDesign | อธิบายเกี่ยวกับหลักตรรกะในกลศาสตร์วัสดุและแนวคิดรวบยอดในการออกแบบชิ้นส่วนทางกล |
4) | 2 - BasicStressesEquation | อธิบายเกี่ยวกับสมการความเค้นพื้นฐาน |
5) | 3 - Materials | อธิบายเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุที่สำคัญและการทดสอบ |
6) | 4 - GeometricShape | อธิบายเกี่ยวกับสมบัติของหน้าตัดที่เป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณหาความเค้นพื้นฐาน |
7) | 5 - Deformation | อธิบายเกี่ยวกับการเปลี่ยรูปและปัจจัยที่ส่ผลต่อการเปลี่ยนรูป |
8) | 6 - Failure Theory for Static Stresses | อธิบายเกี่ยวกับทฤษฎีความเสียหายเพื่อการออกแบบสำหรับภาระสถิต |
10) | PositionAnalysis | อธิบายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ตำแหน่งของกลไก |
11) | VelocityAnalysis | อธิบายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ความเร็วของกลไก |
10) | AccelerationAnalysis | อธิบายเกี่ยวกับการวิเคราะห์ความเร่งของกลไก |
- J.S. Shigley, C.R. Mischke, and R.G. Budynas, 2008, Mechanical Engineering Design, 8th ed., New York, McGraw-Hill.
- H.H. Mabie, and C.F. Reinholtz, 1987, Mechanisms and Dynamics of Machinery, 4th ed., New York, John Wiley & Sons.
- V.B. Bhandari, 2013, Introduction to Machine Design, 2nd ed., New Delhi, McGraw-Hill.
- R. Moot, 2007, Applied Strength of Materials, 5th ed., Florida, CRC Press.
ลำดับ | เอกสารประกอบ | ประโยชน์ |
---|---|---|
1) | Engineering Mechanics: Scope (โดย varun teja G.V.V จาก Slideshare) | ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดรวบยอด (concept) ของกลศาสตร์วิศวกรรมในภาพรวม |
2) | Key points in Mechanics of Materials | ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้กลศาสตร์ของวัสดุ |
3) | Kinematics | ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดรวบยอดของจลนศาสตร์ |
4) | Failures Resulting from Static Loading | ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดรวบยอดของการวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนทางกลภายใต้ภาระสถิต |
5) | CRW003_Failure Theories (เอกสารจาก จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย) | ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดรวบยอดของการวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนทางกลภายใต้ภาระสถิต |
6) | Failures Resulting from Variable Loading | ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดรวบยอดของการวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนทางกลภายใต้ภาระแปรเปลี่ยน |
7) | PlaneStressPlaneStrain | ใช้เป็นแนวทางการวิเคราะห์สภาพปัญหาความเค้นระนาบและปัญหาความเครียดระนาบ |
8) | AMD3_CombinedStress&Failure (เอกสารจาก ม.สุรนารี) |
ใช้เป็นแนวทางการทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดรวบยอดของการวิเคราะห์ความเสียหายของชิ้นส่วนทางกลภายใต้ภาระสถิต (เช่นเดียวกับเอกสารลำดับที่ 4) |
9) | 244_50-62 | ตอบคำถาม วัสดุวิบัติได้อย่างไร? ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ |
ลำดับ | เอกสารประกอบ | ประโยชน์ |
---|---|---|
1) | https://attaponaerospace.wordpress.com/2014/03/15/stress-concentration-by-lisa-finite-element-software/ | ใช้เป็นแนวทางการเรียนรู้ความหนาแน่นของความเค้น |
2) | 3a | MSE203 Pressure Vessels (vdo@youtube คลิ๊กขวาเพื่อเปิดหน้าต่างใหม่) | ใช้เป็นแนวทางการวิเคราะห์ความเค้นในภาชนะภายใต้ความดันภายใน |
3) | Static Strength Analysis | ใช้เป็นตัวอย่างการคำนวณเพื่อการออกแบบเชิงวิเคราะห์สำหรับภาระสถิตด้วยทฤษฎีความเสียหายต่าง ๆ |
สำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับ ความหนาแน่นของความเค้น (stress concentration) โดยย่อ ท่านสามารถดาวน์โหลดได้ที่นี่... Stress Concentration (เหตุผลของข้อ 3)